วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

What is Glutathione?

What is Glutathione?

Glutathione is a tri-peptide that is made up of gamma-glutamic acid, cysteine, and glycine, and is also known as gamma-glutamylcysteinelglycine or GSH. Glutathione is a substance that is found in every cell of the body, and has been called the master antioxidant. It is such an important antioxidant as it is actually within the body’s cells and it also regulates the actions of lesser antioxidants such as vitamin C and vitamin E. if the levels of glutathione are too low in the body, other antioxidants are unable to do their job.
Glutathione is the regulator and regenerator of immune cells and it is the most valuable detoxifying agent in the body. It is important in DNA synthesis and repair, protein and prostaglandin synthesis, amino acid transport, detoxification of toxins and carcinogens, enhancement of the immune system, and protection from oxidation and enzyme activations. Glutathione has strong antiviral properties. If there are higher levels of glutathione in the tissues and serum, then the replication of most pathogens are stopped. Conversely, if the levels of glutathione are low, then conditions become much more favourable for viruses.

Food Sources of Glutathione and Supplementation

Glutathione may not be well absorbed into the body when taken by mouth, and one option is to take it by vein. However, it is more practical to take the precursors to glutathione – the substances that the body needs to make glutathione.
Food sources of the precursors – cysteine, glycine, and glutamic acid include:
  • poultry
  • wheat
  • broccoli
  • eggs
  • garlic
  • onion
  • capsicum
  • meat
  • fish
  • dairy products
  • beans
  • fruits
  • vegetables
  • asparagus
  • avocado
  • walnuts

กลูต้าไธโอน(Glutathione) คืออะไร ช่วยให้ขาวใสได้จริงหรือ

.
กลูต้าไธโอน(Glutathione) คืออะไร??
         สารกลูตาไธโอน เป็นสารที่เซลล์ในร่างกายเราสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เมื่อรวมตัวกับสารกลูตาไธโอน จะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ในที่สุด สารพิษจำพวกโลหะหนักหรือสารกำจัดแมลง สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้โดยการทำงานของกลูตาไธโอนร่วมกับตับ 
          สารกลูต้าไธโอนยังมีหน้าที่สำคัญอีกมากมายในร่างกาย เช่น สังเคราะห์โปรตีน ช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีความแข็งแรง ช่วยเร่งการซึมผ่านของสารอาหารเข้าสู่เซลล์ ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง 
Glutathione (กลูต้าไทโอน) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid หน้าที่หลักของสารตัวนี่ที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ
1. Detoxification : กลูต้าไทโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ
2. Antioxidant : กลูต้าไทโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่
3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไทโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ protaglandin
          โดยสรุปสารกลูต้าไธโอน จึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายที่มีกำลังสูงเมื่อเปรียบเทียบกับวิตามินซีหรือวิตามินอี เมื่ออายุคนเรามากขึ้นปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายจะลดน้อยลง มีผลทำให้เซลล์และอวัยวะทุกส่วนเสื่อมโทรมลง ในทางตรงกันข้าม นักวิจัยพบว่าผู้ที่มีอายุยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง มักจะตรวจพบสารกลูตาไธโอนปริมาณสูงในกระแสเลือด
การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากสารกลูต้าไธโอน 
          สารกลูต้าไธโอนมีการนำมาใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยได้รับการรับรองให้ใช้เป็นยามามากกว่า 30 ปี การรักษามักจะให้โดยการฉีดเข้าเส้นหรือเข้าที่กล้ามเนื้อ อาการข้างเคียงของยาดังกล่าวตอนนี้ยังไม่พบ แต่อย่างไรก็ตามพบว่า สารกลูตาไธโอนมีผลข้างเคียงในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ผลข้างเคียงนี้จึงทำให้มีการแตกตื่นและนำกลูต้าไธโอนมาเตรียมเป็นยาเม็ดเพื่อใช้เป็นอาหารเสริม เพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู
ยาเม็ดกลูต้าไธโอน ได้ผลจริงหรือ ?
          ในวงการของอาหารเสริม มีการนำสารกลูต้าไธโอนมาทำเป็นยาเม็ดในขนาดความแรงต่างๆ กัน เพื่อใช้ในการรับประทานเป็นอาหารเสริม โดยหวังผลว่า จะสามารถเสริมและทดแทนปริมาณกลูตาไธโอนที่ร่างกายมีไม่พอหรือบกพร่องไป อันเนื่องมาจากสาเหตุของโรคต่างๆ
          จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า สารกลูตาไธโอนจะไม่สามารถถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารได้ เพราะจะถูกย่อยสลายและขับออกทางลำไส้ ดังนั้นการรับประทานยาเม็ดกลูต้าไธโอนจึงไม่ได้รับประโยชน์เลย ไม่ว่าจะกินครั้งละหลายๆ เม็ดหรือในขนาดที่สูงมากๆ ก็ตาม
กลูต้าไธโอนช่วยให้ผิวขาวได้จริงหรือ?
          ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น อาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ของการใช้ยากลูต้าไธโอนคือ การยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีให้ผิวหนัง รวมทั้งการเปลี่ยนเม็ดสีที่สร้างขึ้นจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว จึงมีการคิดนำเอาสารชนิดนี้มาใช้เป็นอาหารเสริมโดยหวังว่า จะสามารถเสริมและเพิ่มความเข้มข้นของกลูต้าไธโอนในกระแสเลือดให้มากๆ เพื่อหวังผลให้ผิวหน้าขาวอมชมพู แต่ในความเป็นจริงยาเม็ดที่เป็นอาหารเสริมนั้น ทานมากเท่าไหร่ก็จะไม่ได้ผล เพราะสารชนิดนี้จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย ไม่ถูกดูดซึม แพทย์หลายสำนักจึงได้มีการดัดแปลงโดยทำการฉีดเข้าเส้นหรือเข้ากล้ามเนื้อเช่นเดียวกับการรักษาโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงของผิวขาวเป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น จึงไม่ควรใช้ยานี้ในทางที่ผิด
ภาวะที่ร่างกายขาดกลูต้าไธโอน
          เนื่องจากสารดังกล่าวร่างกายสร้างได้เอง แต่สภาวะที่ร่างกายอาจขาดหรือมีกลูต้าไธโอนไม่เพียงพอ เช่น เมื่อร่างกายมีโรคแทรกซ้อน ทำให้กลูต้าไธโอนลดน้อยลงด้วยสาเหตุการถูกทำลายด้วยยารักษาหรือด้วยตัวโรคเอง หากร่างกายขาดหรือมีกลูตาไธโอนน้อย จะมีผลทำให้เกิดโรคตับอักเสบง่าย ทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ มีโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจ โรคหืด ผู้ที่มีกรรมพันธุ์เกี่ยวกับความบกพร่องของกลูต้าไธโอนมักจะมีปัญหาโรคแทรกซ้อนทางระบบประสาท ผู้ที่ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ ปริมาณกลูต้าไธโอนในระบบเลือดจะต่ำมากๆ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็เช่นกัน ดังนั้นบุคคลเหล่านี้จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
กลูต้าไธโอนในธรรมชาติ
          พบมากในผลไม้ ได้แก่ แตงโม สตรอเบอรี่ องุ่น ผลอโวกาโด ส่วนในผักพบมากใน หน่อไม้ฝรั่ง สำหรับเนื้อสัตว์จะพบได้ใน ปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว จะพบมากใน Asparagus อะโวกาโด และ Walnut ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูต้าไทโอนได้และมีสารหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มการสร้างได้แก่ Alpha lipoic acid, Glutamine3, Methionine, Whey Protein, Vitamin B-6, Vitamin B-2 , Vitamin C4 และ Selenium
ดังนั้นควรเลือกรับประทานจากธรรมชาติดีกว่าที่จะหลงไปใช้สารนี้อย่างผิดๆ และขาดความเข้าใจ

.
ขอบคุณข้อมูลจาก: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การรู้จักกินและดื่มเพื่อหุ่นสวย

.
การลดน้ำหนักที่ดีก็คือ การควบคุมอาหารที่จะใส่ปากใส่ท้อง และรวมไปถึงเครื่องดื่มต่างๆให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะและจะต้องมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ลองตรวจสอบกันดูสิว่า เรารับประทานอาหารและเครื่องดื่มกันถูกต้องเหมาะสมกันหรือไม่1. งดกินของทอด อาหารจำพวกทอดๆ ได้แก่ ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด มันฝรั่งทอด และยังมีอีกหลากหลายเมนูทอดทั้งหลายที่ล้วนอุดมไปด้วยไขมัน ขอให้งดกินเด็ดขาด นอกจากจะจับตัวเป็นชั้นไขมันตามร่างกายแล้วยังก่อให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาอีกมากมายอย่าลังเลที่จะงดกินของเหล่านี้กันเลย
.
1.เลิกกินกาแฟกับขนมปังมื้อเช้า มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ร่างกายควรจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีประโยชน์มากกว่ากาแฟหนึ่งแก้วและขนมหนึ่งแผ่นเท่านั้น เปลี่ยนเป็นนมกับซีเรียล โจ๊กสักชาม หรือข้าวกับแกงจืดก็ยังได้ เพราะอาหารมื้อเช้าจะถูกนำไปใช้เป็นพลังในการทำงานระหว่างวันมากกว่ามื้ออื่น
.
2.กินผักผลไม้ให้ได้ทุกมื้อ ถ้าเป็นเป็นไปได้ควรกินผักและผลไม้สดๆให้ได้ครบทุกมื้อ เพราะผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อุดมไปด้วยสารอาหารและใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย อายุก็ยืนยาวและไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักส่วนเกินอีกด้วย

.
3.ดื่มน้ำผักผลไม้ หากว่าการหาโอกาสกินผักผลไม้สดๆเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะการกินให้ได้ทุกมื้อและในจำนวนปริมาณที่มากๆ วิธีหนึ่งที่เป็นทางแก้ก็คือการดื่มน้ำผักผลไม้แทน โดยหาเครื่องสกัดน้ำผักผลไม้มาสกัดน้ำดื่ม จะได้ประโยชน์มากทีเดียวเพราะร่างกายจะดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้เร็วกว่าการรับประทานผักผลไม้สดๆ ถ้าไม่มีเครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องปั่นธรรมดาก็พอที่จะทำได้ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำผสมเข้าไป ปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำดื่ม แต่มีข้อยกเว้นว่าต้องไม่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด เพราะสามารถทำให้อ้วนได้เหมือนกัน
.
4.งดดื่มน้ำอัดลมโดยเด็ดขาด น้ำหวานน้ำอัดลมไม่จำเป็นจริงๆก็ขอให้งดดื่มโดยเด็ดขาดเพราะน้ำอีดลมประกอบไปด้วยน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ แล้วน้ำตาลส่วนเกินที่ได้รับจากการดื่มน้ำอัดลมก็จะไปสะสมในร่างกาย ทำให้อ้วนและกลายเป็นโรคเบาหวานในที่สุด
.
5.ลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อ ขอย้ำว่าให้ลดปริมาณอาหารที่รับประทานแต่ละมื้อ เคยกิน 2 จาน ก็ให้เหลือ 1 จาน เคยกินจานโตๆ ก็ลดมาเหลือครึ่งจาน ไม่ใช่ให้อดอาหาร การอดอาหารจะทำให้ร่างกายอ่อนแอขาดภูมิต้านทาน และเมื่อกินมื้อต่อไป ร่างกายจะทำการสะสมเป็นไขมันเพื่อชดเชยมื้อที่อด 7. อย่าปล่อยให้หิวมากเกินไป การปล่อยให้มีความรู้สึกหิวจนท้องไส้กิ่ว บิดไปบิดมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะยอมอดเพื่อความผอมหรือไม่ได้อด แต่รู้สึกหิวจริงๆ ละก็ อย่าปล่อยให้รู้สึกหิวจนทรมานอย่างนั้น หาอะไรเป็นของว่างประเภทผลไม้ไม่มีรสหวานก็ได้ กินพอระงับความหิว เพราะถ้าปล่อยให้ตัวเองหิวจัดมากๆ พอถึงเวลากินอาหารแล้วจะกินมากกว่าเดิมเป็น 2-3 เท่าเชียว
.
6.เคี้ยวอาหารให้ละเอียดอย่างช้าๆ คนที่กินอาหารด้วยความรวดเร็วจนเหมือนว่าไม่ได้เคี้ยวอาหารเลยสักนิด นอกจากจะทำให้กระเพาะทำงานหนักในการย่อยอาหารแล้ว ยังทำให้ท้องอืดและกินอาหารได้มากกว่าปกติ เพราะยิ่งกินเร็วก็เหมือนว่ากินได้น้อยและไม่อิ่มเสียที กว่าจะรู้สึกอิ่มก็แน่นท้องเสียแล้ว โดยปกติเราจะรับรู้ว่าอิ่มก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที กว่ากระเพาะจะส่งสัญญาณให้รับรู้ว่าอิ่ม คนที่กินเร็วๆ จึงมีโอกาสกินมากเกินความต้องการของร่างกาย
.
7.ดื่มน้ำก่อนกินอาหาร ดื่มน้ำสัก 2 แก้วก่อนรับประทานอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเมื่อมีน้ำอยู่ในกระเพาะ จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น แม้ว่าอยากกินก็กินต่อไม่ไหว
.
8.เลี่ยงการกินไขมันแต่ไม่ใช่งดกิน ไขมันมีทั้งประเภทไขมันแบบดีเป็นประโยชน์แก่ร่างกาย และแบบไม่ดีไม่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย เราจึงไม่ควรจะงดกินไขมันไปเสียทุกประเภท อะไรบ้างที่เป็นไขมันแบบดี ก็คือไขมันที่ได้จากปลา จากพืช เพราะไขมันเหล่านี้เป็นไขมันไม่อิ่มตัว จะไปช่วยลดการสะสมของไขมันที่จะไปอุดตันเส้นเลือด แล้วเจ้าไขมันแบบที่ไม่ดีล่ะ ก็คือ ไขมันจากสัตว์ กินเข้าไปมากๆ ก็จะสะสมก่อให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ดังนั้นจึงควรเน้นกินไขมันประเภทไขมันแบบดีมีประโยชน์ให้มาก
.
9.กินมังสวิรัติ ถ้าเป็นไปได้ลองกินอาการมังสวิรัติเป็นประจำก็จะดีมีประโยชน์ เพราะเมนูอาหารจะเป็นผักเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องระวังอย่ากินแป้งมากเกินไป เลี่ยงอาหารจำพวกผัดๆ ทอดๆ ที่มันมากเกินแล้วก็อย่าลืมกินโปรตีนจากถั่วแทนเนื้อสัตว์ด้วยละ12. ดื่มนมพร่องมันเนย หากว่าดื่มนมเป็นประจำก็สามารถดื่มได้ แต่ให้เลี่ยงเป็นนมพร่องมันเนยแทน จะได้ไม่อ้วน เพราะร่างกายของเราเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ไขมันจากนมจึงไม่จำเป็นมากนัก
.
ข้อมูลจาก: THAIMAN

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีการลดน้ำหนักของสาวๆฮอลลีวูด

.
ถ้าหากว่าคุณเคยสงสัยว่าเหตุใดเหล่าดาราฮอลลีวูดที่คุณชื่นชอบถึงมีรูปร่างดี ( แลดูสุขภาพดีในบางคน ) แม้ว่าบางคนจะยอมตายเพื่อให้ได้กินอาหารขยะที่มีแคลอรีและไขมันสูงแถมยังไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่พวกเขาก็ยังสวยหุ่นดีอยู่ได้ ล่าสุดมีการรายงานถึงสาเหตุดังกล่าวเรียบร้อยแล้วว่าเหตุใดพวกเธอยังคงผอมเพรียว
การใช้ยา
เมื่อครั้งหนึ่ง ลินด์ซีย์ โลฮาน ทีนควีนเจ้าปัญหาถูกจับในข้อหา เมาแล้วขับ ทางตำรวจก็ได้ค้นพบว่าภายในกระเป๋าเธอมีโคเคนอยู่ในนั้น เช่นเดียวกับไฮโซสาวสุดฉาว ปารีส ฮิลตัน ที่เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งออกมายอมรับในรายการทอล์กโชว์ชื่อดัง ที่มีลาร์รี คิง ดำเนินรายการ เธอก็ได้กล่าวว่า เธอกินยา Adderall ยาที่มีส่วนผสมของแอมเฟตามีนเพื่อกล่อมประสาท ซึ่งยาทั้งสองตัว สาวๆส่วนใหญ่ต่างก็ใช้เพื่อทำให้น้ำหนักลดลง และดูเหมือนว่าสาวๆปาร์ตี้เกิร์ลของฮอลลีวูดต่างก็ใช้ตัวยาเหล่านี้เพื่อช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นปารีส,ลินด์ซีย์,บริทนีย์ และนิโคล ริชชี และตอนนี้ ยา Adderall ก็กลายเป็นยาลดน้ำหนักตัวล่าสุดที่เหล่าคนดังฮอลลีวูดกำลังคลั่งไคล้อยู่ในขณะนี้ และมันก็ทำให้คนดังเหล่านี้มีรายชื่อจากการถูกส่งตัวไปยังสถานบำบัดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
.

.
การสูบบุหรี่
แคเธอรีน นักแสดงสาวจากเรื่อง Grey"s Anatomy ก็เป็นอีกหนึ่งสาวที่น้ำหนักตัวลดหายลงอย่างฮวบฮาบ บางทีเธออาจจะมีการวางแผนการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่กลายเป็นว่าอาวุธลับสำคัญได้ปรากฏออกมาให้เห็นแล้วว่าน้ำหนักตัวที่ลดหายไปนั้น.....เป็นเพราะเธอสูบบุหรี่อยู่ตลอดเวลานั่นเอง และทุกวันนี้เธอมักจะถูกถ่ายรูปโดยมีบุหรี่คาปากและคีบอยู่ในมือตลอดเวลา และในเวลาที่ไม่สูบบุหรี่เธอก็ต้องมีซองบุหรี่ถือไว้ในมืออยู่ดี
.


.
การทานไข่
มีข่าวลือว่าหนึ่งในนักแสดงสาวชื่อดังที่แสดงเรื่อง Cold Mountain ทานเพียงแค่ไข่ต้มเท่านั้น เธอจะทานไข่ต้มในมื้อเช้า แล้วจากนั้นในตอนกลางวันก็จะทานอีกฟอง หรือไม่เช่นนั้นก็ทานทีเดียว 2 ฟองในมื้อเย็น ซึ่งจากการทานไข่ต้มแบบนี้ไม่ใช่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ทำ เดวิด เคิร์ช เทรนเนอร์ของเหล่าคนดังก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า "ผมมีลูกค้ามากมายที่เตรียมตัวจะใส่ชุดสวยเพื่อเดินพรมแดงในงานออสการ์ และพวกเธอเหล่านั้นก็จะทานอาหารเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน ซึ่งนั่นคือไข่ต้มเพียงแค่ 2 ฟอง ผมจึงแนะนำให้พวกเธอทานอัลมอนด์หรือเครื่องดื่มที่เป็นโปรตีนเชคหรือวิตามินบำรุงเพิ่มด้วย มันเป็นวิธีการที่ทำลายตัวเอง คุณต้องทานอาหารอย่างพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตีนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ"
.
.
การจำกัดอาหาร
เมื่อเร็วๆนี้ ปารีส ฮิลตัน เพิ่งเดินเข้าร้านอาหาร โนบู ในนิวยอร์ก และเมื่อบริกรถามไฮโซสาวว่าจะรับอะไร ก็ได้รับคำตอบจากเธอกลับมาว่า "น้ำแร่" ในความเป็นจริงแล้วมื้ออาหารที่แสนยาวนานมากกว่า 2 ช.ม.นี้ ปารีส เพียงแค่จิบน้ำและก็กระทิงแดงเท่านั้น เธอไม่แตะอาหารอื่นๆเลยแม้แต่นิดเดียว
.

.
การทำดีท็อกซ์
อีกแบบหนึ่งหรือที่ทราบโดยทั่วไปว่าการใช้น้ำมะนาว สิ่งนี้เองที่เป็นตัวช่วยในการไดเอตได้เป็นอย่างดี โดยการนำน้ำมาผสมกับเมเปิลไซรัป ตามด้วยน้ำมะนาวและ โรยพริกไทยอีกเล็กน้อย ซึ่งสาวสวยอีกคนหนึ่งอย่างบียองเซ ก็ยอมรับเช่นกันว่าเธอใช้วิธีนี้คือ ดื่มน้ำมะนาวสูตรดังกล่าวเป็นเวลา 2 อาทิตย์ทำให้น้ำหนักตัวเธอลดลงถึง 21 ปอนด์ เพื่อแสดงภาพยนตร์เรื่อง ดรีมเกิร์ลส์ ส่วน จาเรด ลาโต ก็เคยใช้วิธีดังกล่าวและทำให้น้ำหนักของเขาลดลงไปถึง 28 ปอนด์ เพื่อรับบทเป็น มาร์ก แชปแมน ในภาพยนตร์เรื่อง Chapter 27
.
.
การใช้ยาระบาย
ทุกวันนี้ เหล่านักแสดงสาวส่วนมากมักจะใช้ยาระบาย ที่มาในรูปลักษณ์ของ "ชาลดน้ำหนัก หรือ ชาระบาย" ที่มีผลข้างเคียงเบาที่สุด ดาราบางคนถึงขั้นดื่มชาระบายถึง 10 ถ้วยต่อวัน เกลแบนด์ เทรนเนอร์คนดังกล่าวว่า "เทรนด์ล่าสุดของเหล่านางแบบตอนนี้คือการการผสมชาระบายและน้ำมะนาวสูตรดังกล่าวเข้าด้วยกันเพื่อเป็นการดีท็อกซ์และลดน้ำหนักไปในตัว และพวกเธอก็จะดื่มน้ำชนิดดังกล่าวอยู่ตลอดทั้งวันด้วย"
.
ใครรจะนำวิธีการลดน้ำหนักด้วยวิธีต่างๆเหล่านี้ไปใช้ คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณากันเอาเอง แต่ต้องบอกว่าการใช้ยาและการสูบบุหรี่เป็น 2 สิ่งที่ไม่ขอแนะนำจริงๆ!!
.
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์

ลดน้ำหนักง่ายๆควรรับประทานอย่างไร

.
ข้อมูลจากโรงพยาบาลเวชธานี
ปัจจุบัน วิถีการใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ความเร่งรีบของการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมของต่างชาติที่เข้ามาในบ้านเรา ทำให้การเลือกรับประทานอาหารของเราเปลี่ยนไป สังเกตได้ว่า อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล ไขมันเป็นส่วนประกอบมากขึ้น แต่ขาดอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่ อาหารที่มีเส้นใย ทำให้ความสมดุลของการเผาผลาญอาหารผิดปกติไป ส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ที่มาจากการรับประทานอาหารไม่ได้สัดส่วนตามมา เช่น โรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา

ดังนั้นเราควรเลือกรับประทานอาหารที่ได้สัดส่วนในแต่ละมื้อ เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วน และสำหรับผู้ที่อ้วนแล้ว ก็ต้องควบคุมอาหาร (การควบคุมอาหารที่ดีคือ การควบคุมปริมาณของอาหารที่รับประทาน แต่ไม่ใช่การลดคุณภาพของอาหาร) โดยมีหลักง่าย ๆ คือ

1. อาหารกลุ่มข้าวและแป้ง ต้องรับประทานให้พอดี ไม่ควรงดรับประทานเลย เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สำหรับข้าวและแป้งที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แนะนำให้เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ธัญพืช (ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ลูกเดือย) เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช้า ๆ

2. อาหารที่กลุ่มโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ แนะนำเลือกที่ไม่ติดหนัง ติดมัน ต้องหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก กุนเชียง เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและมีไขมันซ่อนอยู่มาก

3. นม แนะนำให้เลือกรสจืดไขมันต่ำ หากเป็นโยเกิร์ตแนะนำรสธรรมชาติ หากต้องการมีรสชาติแนะนำให้เติมผลไม้สด

4. อาหารกลุ่มไขมัน ไขมันยังมีความจำเป็นต่อร่างกาย เพื่อใช้ในการละลายวิตามินที่ใช้ไขมันละลาย แนะนำให้เลือกไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว ยกเว้น น้ำมันปาล์ม กะทิจากมะพร้าว และการปรุงประกอบอาหารแนะนำให้ใช้วิธีอบ ต้ม นึ่ง ตุ๋น ย่าง ผัด แทนการทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ

5. อาหารให้เส้นใยสูง ได้จากผักและผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) เป็นส่วนใหญ่ เพราะเส้นใยโดยเฉพาะชนิดที่ละลายน้ำ เช่น เพคตินในแอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต จะมีเมือกมาก เมือกจะทำหน้าที่เกาะโคเลสเตอรอลแล้วขับออกจากร่างกาย สำหรับเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำ เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ป้องกันท้องผูกได้

6. ชา กาแฟ ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ต้องไม่เติมน้ำตาลหรือครีมเทียม

7. เลือกรับประทานอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผลไม้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

8. การวางแผนการรับประทานอาหารหากต้องไปงานเลี้ยง โดยในวันนั้นก่อนไปงานเลี้ยงต้องเลือกรับประทานอาหารไขมันต่ำ เส้นใยสูงไว้ก่อน เพราะงานเลี้ยงเราไม่สามารถทราบได้ว่ามีอาหารใดบ้าง

9. มีการดัดแปลงอาหารให้เป็นอาหารพลังงานต่ำ เช่น น้ำสลัด พบว่าน้ำสลัดมีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ หากมีการดัดแปลงจากน้ำสลัดมาเป็นน้ำยำ ก็จะทำให้ได้อาหารที่ไขมันต่ำ

10. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรง

ดังนั้นการให้ความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหาร และมีความตั้งใจในการควบคุมน้ำหนัก ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง
.
ที่มา: ไทยรัฐ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อุปสรรคของคนลดความอ้วน

.
อุปสรรคของคนลดความอ้วนน่ะมีมากมาย ถ้าใครเคยมีประสบการณ์ลดน้ำหนัก
มาก่อนย่อมจะทราบดี อันดับแรกที่หนีไม่พ้นคือ
ขนมหวานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เค้ก คุ้กกี้ ฯลฯ คุณเคยสังเกตไหมยิ่งเรา
พยายามควบคุมอาหาร ความต้องการอะไรที่หวานๆเนี่ยยิ่งมีมากเท่านั้น คงเพราะ
ร่างกายเราขาดน้ำตาลนั่นเอง ก็เคยกินแบบตามใจปากจนเคยชินนี่เนอะ พอมา
กินแบบจำกัดมันก็ต้องหิวแหละ ^^
เรามีวิธีง่ายๆมาแนะนำ คิดว่าช่วยเรื่องความต้องการอาหารหวานๆได้ดีทีเดียว
เราใช้วิธีกินลูกเกดแทนอ่ะ แต่ก็ในปริมาณที่พอเหมาะด้วยน่ะ ไม่ใช่กินเป็นห่อๆ
แบบนั้นก็ไม่ไหวน่ะ เพราะถึงจะเป็นผลไม้แห้งแต่ก็มีความหวานอยู่ไม่ใช่น้อย
.
.
การออกกำลังกาย โอ..อันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน จะอะไรซะอีกก็เจ้า
ความขี้เกียจไง ช่วงแรกๆ อาจจะบ้าพลังหน่อย ก็ออกกำลังกายทุกวันเป๊ะๆ
พอ 2-3 วัน ผ่านไป เอาแล้ว เริ่มไม่อยากออกกำลังกายแล้วสิใครรู้สึกแบบนี้
ก็ไม่ต้องท้อใจน่ะ คุณไม่ได้เป็นคนเดียวหรอก ใครๆก็เป็นกัน (เราคนนึงนี่แหละ)
แล้วยิ่งวันแรกๆน่ะ ตื่นเช้ามาคุณจะพบกับ ความปวดระบมไปหมดทั้งตัวเชียวล่ะ
ยิ่งคนที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนล่ะก็ อาการหนักเลยอ่ะแล้วก็เหมือนกับว่า
ช่วงวันแรกๆ ความตั้งใจยังเต็มร้อยอยู่ใช่ป่ะ เราก็เอาเลยออกกำลังกันเต็มที่
จะไม่ให้ปวดเมื่อยไปทั้งตัวยังไงไหวอ่ะ แต่ยังไงซะพอผ่านไปสัก 1 อาทิตย์
ถ้าความตั้งใจออกกำลังกายของเรายังอยู่น่ะความปวดเมื่อยช่วงแรกๆนี่จะหาย
ไปเอง คงเพราะร่างกายเราเริ่มปรับสภาพได้ แต่ก็นั่นล่ะส่วนใหญ่จะฮึดอยู่ไม่ถึง
อาทิตย์อ่ะจิ อิอิ ^^
เราเองก็ไม่เคยถึงซะที ก็เลยหันมาใช้วิธีง่ายๆ ไม่บังคับตัวเองมากมายนัก เรา
ใช้วิธีปรับให้มันเข้ากับชีวติประจำวันอ่ะ อย่างทำงานบ้าน จากที่ไม่เคยหยิบจับ
อ่ะน่ะ ก็เริ่มลงมือทำเอง กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ ล้างจาน อะไรอีก
สารพัดงานบ้าน ลองทำทั้งหมดนี่ดูสิ เรียกเหงื่อได้ไม่ใช่น้อยๆเชียวน่ะ แล้วทำ
ทุกวันๆ จนเกิดเป็นความเคยชินนอกจากบ้านเราจะสะอาดเรียบร้อย ยังได้ออก
กำลังกายไปในตัวอีกด้วย อีกวิธีนึงก็ จากเมื่อก่อนไปไหนก็นั่งรถ แต่เดี๋ยวนี้
ถ้าใกล้ๆ เช่น ไปซื้อของหน้าปากซอย เดี๋ยวนี้ใช้วิธีเดินอย่างเดียวเลย คือ
ตัดความสะดวกสบายให้เหลือน้อยที่สุด ทำอะไรให้รู้สึกเหนื่อย เหงื่อออก
ดูซะบ้าง มันได้ผลดีทีเดียวน่ะ
.

.
การเผลอกินอาหารมื้อใหญ่ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำเอาหลายๆคนล้มเลิกแผน
การลดน้ำหนักที่ได้พยายามมาเป็นอาทิตย์ไปได้ง่ายๆทีเดียวเชียว คุณเคยไหมที่
เห็นอาหารอะไรน่ากินๆ แล้วเผลกินไปซะเต็มที แล้วก็เก็บเอามาคิดเป็นความผิด
ไม่น่าอภัยของตัวเองจนพาลเลิกล้มความตั้งใจลดน้ำหนักไปเลยอ่ะ ต้องเคยแน่ๆ
เราจะบอกไว้ตรงนี้ว่า ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกน่ะ ที่มีประสบการณ์แบบนี้ ใครๆ
ที่ลดน้ำหนักก็เป็นกัน
มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ถ้าจะเผลอกินพิซซ่าชิ้นโตๆ หรือ
เค้กชิ้นใหญ่ๆ น้ำอัดลม และอีกสารพัดอาหาร ก็ถ้ามื้อนี้คุณเผลอไปล่ะก็
มื้อต่อไปคุณก็ทานให้น้อยลงสิ โลกคงไม่ถล่มลงมาตรงหน้า แค่เพราะ
คุณเผลอตัวกินอาหารมื้อใหญ่ๆที่ว่านี่ไปหรอกน่า ใจเย็นๆ น่ะ แล้วมันก็
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งโทษตัวเอง คุณแค่เริ่มต้นลงมือควบคุม
อาหารในมื้อถัดไป ก็เท่านั้นเอง พยายามเข้าน่ะ สู้ๆจ้ะ
.
ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก อินเทอร์เน็ต

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นางแบบไซซ์บิ๊ก บนเวทีแฟชั่นระดับโลก




.
ห้องเสื้อ เอเลน่า ไมโร (Elena Miro) ของอิตาลี ได้ใช้นางแบบไซซ์บิ๊ก บนเวทีแฟชั่นที่เมืองมิลาน ซึ่งนับเป็นภาพหาดูยากบนแคตวอล์กระดับโลก!!!
.
 

.
จากข่าวรอยเตอร์เล่าว่า กว่าที่ห้องเสื้อเอเลน่า ไมโร จะได้ "คิว" ขึ้นโชว์ชุดบนเวทีมิลาน ก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมายาวนาน โดยห้องเสื้อแห่งนี้เป็นห้องเสื้อที่ผลิตเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงรูปร่างใหญ่โดยเฉพาะ โดยมีเสื้อผ้าไซซ์เล็กสุดอยู่ที่ไซซ์ 46 ซึ่งเทียบเท่ากับไซซ์ 12 ของอเมริกา(U.S. size 12 ) และไซซ์ 14 ของอังกฤษ
.
 
.
"เราถูกมองเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ แต่คุณรู้มั้ยว่านี่เรากำลังพูดถึงเสื้อผ้าที่มีกลุ่มผู้หญิงถึง 35% ในประเทศนี้ที่ใช้(อิตาลี) และมีถึง 50% ในสหรัฐอเมริกา" กุยเซ็ปเป้ ไมโรกลิโอ ผู้อำนวยการบริหารของห้องเสื้อเอเลนา ไมโร ซึ่งมีรายได้ต่อปี 150 ล้านยูโร หรือราว 7,350 ล้านบาท กล่าว
.
 
.
.
ในการประกาศตัวที่มิลาน เอเลน่า ไมโร ยังกล้านำเสนอชุดที่เน้นรูปร่าง เป็นการบอกให้ผู้หญิงไซซ์ใหญ่ไม่ต้องอาย เที่ยวใส่แต่เสื้อผ้า "ปิดก้น" ด้วยกลัวใครจะมอง จะล้อ!!!
.

.

.
"เสื้อผ้าของเขาเยี่ยมมาก นอกจะใส่พอดี ยังให้ความรู้สึกสบายตัวมากอีกด้วย" แอมเบอร์ เทรดกิลล์ นางแบบสาวอเมริกันวัย 21 เล่าก่อนจะบอกอย่างมีความหวังว่า "หลังจากนี้ ฉันก็หวังจะได้เห็นแฟชั่นเสื้อผ้าที่ทำขึ้นมาเพื่อผู้หญิงธรรมดา ทั่วไป มีมากขึ้น ไม่ใช่เน้นแต่เด็กสาวหุ่นผอมๆ เท่านั้น"
.
ที่มา:http://artsmen.net/